วิธีเติมน้ำยาแอร์รถยนต์

เติมน้ำยาแอร์รถยนต์
ช่วงนี้อากาศร้อนมากๆๆ รถเพื่อนๆ บางคันผมว่าต้องเจออาการนี้บ้างแน่ๆเลย

1. บางทีรถติดไฟแดงนานๆ แอร์จะไม่ค่อยเย็น มีแต่ลมร้อนๆ ออกมา แต่พอได้วิ่งหน่อย แอร์ก็จะมีลมเย็นๆ ออกมาบ้าง แต่ถ้าติดอีกเมื่อไร แอร์จะไม่มีความเย็นเลย จะมีลมร้อนออกมาจากช่องแอร์ใช่ไหมฮะ

สาเหตุแรกเลยไปมองดูที่ คอยล์ร้อนแอร์ ว่าสกปรกมากหรือเปล่า เนื่องจากแผงคอล์ยร้อนนี้ มีหน้าที่ระบายความร้อนของตัวน้ำยาแอร์ที่ ออกมาจากคอมเพรส์เซอร์แอร์ เนื่องจากคอมแอร์จะสร้างแรงผลักดันเพื่อให้น้ำยาแอร์วิ่งหมุนเวียนอยู่ภายในระบบแอร์รถยนต์ ซึ่งน้ำยาแอร์ที่ออกมาจากคอมเพรส์เซอร์จะมีความร้อนสูงมากๆๆ จากนั้นน้ำยาแอร์จะวิ่งเข้าสู่แผงคอล์ยร้อน เพื่อระบายความร้อนของตัวน้ำยาแอร์ให้มันเย็นขึ้น
(ลองสังเกตุดูเองก็ได้นะครับ ทำไมตอนฝนตกแอร์รถทำไมเย็นขึ้น รถติดก็ยังเย็นอยู่ เนื่องจากน้ำฝนนั้นได้ไปโดนแผงคอล์ยร้อนหน้ารถไงคับ คอล์ยร้อนมันเลยระบายความร้อนได้เร็วขึ้น หรือจอดรถอยู่บ้าน ลองเอาน้ำฉีดที่แผงคอล์ยร้อนดูแล้ว ลองนั่งในรถดูว่าความเย็นแตกต่างกับไม่ได้ฉีดน้ำหรือเปล่าคับ )

ถ้าแผงคอล์ยร้อนสกปรกให้ใช้ น้ำฉีดที่แผงให้เปียกแล้ว ใช้เสปร์ย (วีม,เป็ด ที่ใช้ขัดคราบมันในครัวอะ ซื้อได้ตามห้างอะคับ ) ใช้ฉีดให้ทั่วแผงคอล์ยร้อนทิ้งไว้ซัก 5-10 นาทีแล้วใช้น้ำสะอาดล้างออก หรือใช้แปลงสีฟันเก่าๆ รูดลงตามแนวตั้ง พยายามอย่าให้แผงมันล้มนะคับ เท่านี้แผงคอล์ยร้อนก็สะอาดแล้วคับ ลองทำดูจัสังเกตุได้เลยว่าแอร์เย็นขึ้น เพราะ แผงคอล์ยร้อนนั้นมันจะมีพวกคราบน้ำมันต่างๆตามท้องถนน พวกคราบน้ำมันนี้มันติดที่แผงแล้วใช้น้ำสะอาดล้างอย่างเดียวมันไม่ค่อยออก มันจะฝั่งแน่นทำให้แผงระบายความร้อนไม่ค่อยออก

คอยล์ร้อน ( CONDENSER)

คอยล์ร้อนจะมีลักษณะเป็นแผงรับอากาศขนาดพอๆ กับหม้อน้ำรถยนต์ มีทางเข้าและทางออก
ของน้ำยาแอร์ ซึ่งถูก ออกแบบมาให้มีท่อน้ำยาแอร์ขดไปขดมาบนแผง โดยผ่านครีบระบายความร้อน
ซึ่งมีลักษณะคล้ายครีบระบายความร้อนของหม้อน้ำ คอยล์ร้อนจะถูกติดตั้งอยู่บริเวณด้านหน้ารถยนต์
คู่กับหม้อน้ำ

วงจรของระบบแอร์รถยนต์ครับ สีน้ำเงินคือความเย็นนะครับ สีแดงคือความร้อนคับ


เป็ดกับวิมนั้นไม่กัดแผงอลูมิเนียมมากเท่าโซดาไฟคับ แนะนำ ให้ฉีดทิ้งไว้ไม่ควรเกิน 10 นาทีคับ ใครฉีดแล้วจะทิ้งไว้นานกว่านั้นก็ได้ฮะ แต่ก็ไม่มีผลอะไรมากกว่าเดิมคับ เพราะที่เราฉีดทิ้งเอาไว้ตอนแรกนั้น สารเป็ด,วิม มันก็ไปชะล้างคราบสกปรก คราบน้ำมันออกหมดแล้วคับ เพราะฉะนั้น ฉีดทิ้งไว้นานกว่านั้นก็ไม่มีผลอะไรคับ

เรื่องการดูน้ำยาแอร์ว่าขาดหรือเปล่า ขอเป็นคืนนี้นะครับ ตอนนี้ผมหาภาพใน com ผมอยู่อะคับ เป็นภาพที่เคยลงเอาไว้ใน rcweb อันเก่ากระทู้ DIY ชุด service แอร์ด้วยตนเอง ไม่ทราบว่าเพื่อนๆ จำกันได้รึเปล่าฮะ

ภาพก่อนล้างและ
หลังล้างคับ




ดูว่าน้ำยาแอร์รถเราขาดหรือเปล่า ให้มองหาตัวไดเออร์ ซึ่งจะเป็นทรงท่อสีดำบ้างสีเงินบ้าง ดูที่หัวของมันจะมีกระจก (ภาษาช่างจะเรียกว่า ตาแมว) ถ้าน้ำยาแอร์ในระบบรถยนต์ขาดหรือไม่เต็ม ก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้แอร์ไม่เย็น 100%
ตามรูป สังเกตุในกระจก จะเห็นเป็นฟองอากาศขาวๆ วิ่งเยอะๆ อย่างนี้แสดงว่าน้ำยาแอร์ในระบบไม่เพียงพอคับ

และถ้าน้ำยาแอร์ในระบบไม่ขาด จะมองเห็นเป็นน้ำใสๆมีฟองอากาศอยู่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น (จะเป็นฟองอากาศแบบอ้วนๆ ) ตามภาพนะคับ

ภาพที่ 2 จะเห็นว่าฟองขาวๆนั้นจางลงเริ่มเป็น
ภาพที่ 3 จะเห็นได้เลยว่าเป็นลักษณะน้ำใสๆ มีฟองเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ตามภาพนี้แสดงว่าน้ำยาในระบบแอร์ไม่ขาดคับ


และก็จะมีคำถามอีกว่า น้ำยาแอร์นั้นต้องเติมบ่อยไหม ?
ระบบแอร์ทุกอย่างไม่ว่าจะเป็น แอร์บ้าน,แอร์รถยนต์, ถ้าเกิดระบบแอร์นั้น ไม่มีที่รั่ว ก็ไม่จำเป็นต้องเติมน้ำยาแอร์ครับ จะเติมน้ำยาแอร์ก็ต่อเมื่อ ตอนแอร์ฟังตามอายุของมัน กับ เคลื่อนย้ายตัวแอร์ติดตั้งที่อื่น,เปลี่ยนอะไหล่บางชิ้น

เพื่อนๆลองมองที่รอบๆกระจกของตัวไดเออร์ เห็นคราบน้ำมันสีดำนั้นไหมครับ คราบน้ำมัน มันมาจากไหน มันค่อยๆออกมาตามขอบของกระจกคับ เหตุนี้แหละครับคือที่รั่วของระบบแอร์ เติมน้ำยาแอร์มาเดือนหนึ่ง น้ำยาแอร์ก็หายหมดครับ บางทีมันไม่ได้รั่วแค่ตรงนี้
เพื่อนๆ ที่ต้องเติมน้ำยาแอร์เป็นประจำ ลองสังเกตุท่อแอร์ โดยเฉพาะพวกข้อต่อต่างๆ ดูว่ามีคราบน้ำมันดำๆ เกาะหรือเปล่า ถ้าหาไม่เจอ หาฟองน้ำฉุบน้ำยาล้างจานที่มันมีฟองเยอะๆ แล้วค่อยถูตามท่อแอร์ ตรงไหนที่มีฟองอากาศขึ้นมา แสดงว่าตรงนั้นคือจุดรั่วครับ


งงไหมฮะ ถ้าไม่เข้าใจก็ถามได้นะครับ ถ้าผมรู้และเคยเจอมาก่อนคับ ผมจะตอบให้ได้



ผมเคยได้ยินมาจากเพื่อนๆ ที่เคยไปซ่อมแอร์ตามร้านทั่วไป,กระทู้ทั่วไปที่ถามเกี่ยวกับ เว็คคัม ? คืออะไร
ทำไมเติมน้ำยาเพิ่มอย่างเดียวราคาจะอยู่ที่ 200 - 300 บาท
ทำไม เว็คคัม เติมน้ำยาแอร์ ราคาอยู่ที่ 500 - 1000 บาท (ขนาดรถทั่วไปน่าจะไม่เกินราคานี้ แต่ถ้าเป็นรถขนาดใหญ่ก็จะแพงกว่านี้)

ขออธิบายข้อดีแต่ละตัวว่าแตกต่างยังไงนะครับ (เผื่อเพื่อนๆบางคนอาจยังไม่ทราบ)

- เติมน้ำยาเพิ่ม คือในระบบแอร์รถเรานั้น น้ำยาแอร์อาจจะ ขาดเพียงเล็กน้อย หรือขาดมากก็แล้วแต่ ช่างแอร์เขาจะใช้วิธีต่อสายแล้วดูที่เกร์ + ดูที่ตาแมว(กระจกบนตัวไดเออร์) ปล่อยน้ำยาจากถังเข้าสู่ระบบแอร์รถ แล้วช่างแอร์เขาจะมองที่ตาแมว ถ้าเริ่มใสแล้วก็จะปิดวาวร์ที่ตัวถังน้ำยาแอร์ แล้วเขาจะสังเกตุว่าเติมน้ำยาแอร์เข้าไปเยอะหรือน้อย ช่างแอร์เขาจะคิดเงินตาม ปริมาณน้ำยาแอร์ที่เติมให้เราครับ
(ผมบอกไว้เป็นความรู้นะครับ ถ้าเติมเพิ่มให้กับ รถยนต์ที่มีขนาดกลาง น้ำยาแอร์ไม่น่าจะเกิน 1 กิโลกรัมคับ)

- ข้อเสียคือ
1.การเติมลักษณะนี้ จะมีอากาศเข้าไปปะปนอยู่ภายในระบบแอร์ด้วย อากาศที่เข้าไปนั้นจะมากหรือน้อย อันนี้ขึ้นอยู่วิธีการเติมของช่างแต่ละคนคับ
(วิธีที่จะให้อากาศเข้าสู่ระบบแอร์น้อยที่สุด ตอนที่ช่างแอร์ต่อสายเข้ากับถังน้ำยาแอร์นั้น ช่วงสายนั้นจะมีอากาศอยู่ ตอนเปิดวาวร์น้ำยานั้น ให้ช่างแอร์ คายเกรียวที่ติดกับตัวเกร์น้ำยา (สายเส้นเดียวกับที่ต่อเข้าถังน้ำยาแอร์นะคับ) เพื่อให้น้ำยาแอร์ที่ออกมาตอนแรกนั้น ทำการไล่อากาศที่ค้างอยู่ตามสายออกให้หมด
2.น้ำยาแอร์แต่ละที่ แต่ละร้าน ที่อยู่ในถังนั้นส่วนมาก คุณภาพจะไม่เหมือนกัน บางทีน้ำยาแอร์ในระบบรถเราเป็นของมีคุณภาพดี แต่พอไปเติมเพิ่มแล้ว น้ำยาแอร์ที่เติมเพิ่มเข้าไปใหม่นั้น อาจจะเป็นน้ำยาที่ไม่มีคุณภาพก็เป็นไปได้ (แล้วแต่ดวงละฮะ) แต่ถ้าคุณภาพดีก็ ok ครับ (น้ำยาคุณภาพดี หรือไม่ดี เดี๋ยวผมอธิบายแบบละเอียดให้ฟังอีกทีคับ)

- การเว็คคัม คือ การปล่อยน้ำยาแอร์ที่อยู่ในระบบแอร์ในรถออกให้หมด (สังเกตุดูนะคับ มีน้ำยาแอร์+น้ำมันคอม ออกมาตามสายชาชร์น้ำยา เจ้าของรถโปรดสังเกตุด้วยว่าน้ำมันออกมาเยอะปล่าว ถ้าเยอะ ต้องให้ช่างเขาเติมน้ำมันคอมเพิ่มให้ด้วยนะครับ ไม่งั้นใช้ไปซักพัก คอมเพรส์เซอร์แอร์จะฟังเอานะฮะ (ส่วนมากจะเป็นเส้นสีเหลือง) แล้วช่างแอร์ก็จะเอาเครื่องเว็คคัมมา แล้วต่อสายเส้นเหลืองเข้ากับเครื่อง เว็คคัม เพื่อดูดอากาศที่ค้างอยู่ภายในระบบแอร์ออกให้หมด ถ้าให้ดีที่สุดใช้เวลา 10 - 20 นาที อันนี้คงเป็นไปได้ยาก เพราะส่วนมาก ช่างเขาจะเว็คคัมไม่เกิน 5 นาที + ดูเกร์ว่าติด -15 ก็ ok แล้ว จากนั้นก็จะถอดสายออกจากเครื่องเว็คคัม ถ้าน้ำมันคอมขาด ช่างแอร์เขาจะเติมเพิ่มก่อน แล้วค่อยเติมน้ำยาแอร์ตามเข้าไปคับ

(เครื่องเว็คคัมจะมีราคา 1,500 - 35,000 บาท ถ้าราคาถูกหน่อย จะมีปั้มเพียงตัวเดียวอันนี้ต้องใช้เวลานาน10 - 20 นาทีในการเว็คคัม แต่ถ้าราคาเกิน 15,000 บาทขั้นไป จะเป็น 2 ปั้มอันนี้เว็คคัม 3 - 5 นาทีเก็บเสร็จครับ )


โฟมที่ไว้ล้างแอร์บ้านนั้น ผมไม่แนะนำให้เอามาทำความสะอาดแผงคอล์ยร้อน เพราะว่าถ้าเอาโฟมกระป๋องมาฉีดที่แผงคอล์ยร้อนนั้น 5 กระป๋องมันก็ยังไม่สะอาดเลยคับ

เพราะว่าส่วนผสมของสารเคมีในกระป๋องนั้นๆ อาจจะมีประสิทธิภาพไม่เพียงพอในการขจัดคราบน้ำมันและ คราบที่ฝังแน่นขนาดนั้นคับ เนื่องจากเขาให้ฉีดที่ตัวคอล์ยเย็น(ตัวแฝงแอร์ในบ้าน) ทางเจ้าของสินค้าเขาคงได้ทำการทดสอบมาแล้วว่า ฉีดไปแล้วไม่ต้องไปล้างมัน มันจะสลายตัวได้เองในตอนที่เปิดแอร์ สารเคมีในกระป๋องนี้จึงไม่ อันตรายต่อผู้บริโภคไงคับ

ที่ถ้าว่าเอา Sonex ใช้แทนนั้น ใช้แทนอะไรครับ ผมงง รบกวนถามอีกทีนะฮะ
Sonex ที่เป็นน้ำยาหล่อลื่น และ ไล่ความชื้นด้วยใช่หรือเปล่าฮะ กระป๋องสีส้ม สารเคมีที่ออกมาจากกระป๋องนั้น จะคล้ายๆ กับ น้ำมันก๊าซ,น้ำมันซักแห้ง ถ้าจะเอาฉีดล้างแผงคอล์ยร้อนนั้น ไม่ได้คับ ใช้งานกันคนละอย่างอะคับ

ใช้ผงซักฟอกก็ได้คับ แต่ตั้งขยันหน่อย ใช้แปลงเล็กๆ ถูตามที่แผงมันด้วยอะคับ อันนี้สะอาด sure

ไดเออล์ (ทำหน้าที่กรองความชื้นของตัวน้ำยาแอร์)

- ถ้ามีการซ่อมเปลี่ยนอะไหล่บางส่วนของระบบแอร์นั้น รวมถึงแอร์บ้านด้วยนะคับ สิ่งที่จะต้องทำการเปลี่ยนของใหม่ไปด้วยในทุกครั้ง คือ ตัวไดเออล์ (ประมาณ 300 บาทแล้วแต่บางรุ่นด้วยนะครับ)

- ทำไมต้องเปลี่ยนทุกครั้งด้วย? (เปลื่องตังค์..เพราะบางคนอาจเพิ่งเปลี่ยนมาเองเพราะบางคนซ่อมแอร์ไม่จบ ต้องถอดระบบออกมาหลายรอบ เลยอาจจะยังไม่ค่อยเข้าใจ ) การถอดระบบแอร์ออกมานั้น ระหว่างที่ถอดนั้น จะทำให้ความชื้น (อากาศ) เข้าไปแทนที่ ซึ่งภายในตัวไดเออล์นั้น จะมีสารเป็น เม็ดเล็กๆ กลม เรียกว่า ซิลิก้าเจล (silica gel) เมื่อมีการดูดความชื้นเข้าไปถึงระยะเวลาหนึ่ง จะทำให้ประสิทธิภาพในการดูดความชื้นนั้นลดลง เพราะอย่างนี้แหละ ผมถึงให้ความสำคัญในการ เวคคัม ภายในระบบให้ดีที่สุด ก่อนจะเติมน้ำยาแอร์เข้าไปใหม่

- เคยสังเกตุไหมครับ ว่าพวกขนมกรอบๆ ที่บรรจุในถุงทั้งหลาย ภายในถุงขนามนั้น จะมีซองเล็กๆ ข้างในจะมีเม็ดกลมเล็กๆ ใสๆ อยู่ เขียนระบุไว้ว่า ห้ามรับประทาน ซึ่งทำหน้าที่คอยดูดความชื้นของตัวขนมกรอบๆ ภายในถุง ลองสังเกตุดู ถ้าเราเปิดขนมกรอบถุงนั้นไว้แล้วทานไม่หมด ทิ้งไว้ซัก 2 ชม. แล้วมากินใหม่ ขนมมันจะไม่ค่อยกรอบเมื่อตอนเปิดถุงแรกๆ คับเนื่องจากความชื้นเขาไปสะสมในตัวขนมไงคับ

เนี่ยแหละครับ คือหน้าที่หลักของตัวไดเออล์แอร์



สารทำความเย็นหลักๆ ที่ใช้มากภายในประเทศนะคับ (อ่านกันหน่อยนะคับ..ความรู้จิงๆ )
น้ำยาแอร์ R12 ใช้กับรถที่ผลิตก่อนปี 1995 ,ตู้เย็นรุ่นเก่าๆ เป็นสารทำลายชั้นบรรยากาศโลกทำให้โลกร้อน

อันนี้สำคัญมากๆ ต้องอ่านนะคับ โดยสารนี้เป็นส่วนประกอบของยาสลบที่ใช้ทางการแพทย์ เคยสังเกตุไหมครับว่าขับรถไปนานๆแล้ว รู้สึกง่วงนอน แต่พอเปิดกระจกให้อากาศภายนอนเข้ามาถ่ายเทแล้วปิดกระจกขับรถต่อ ก็ไม่รู้สึกง่วง เพราะอะไรถึงง่วง เนื่องจากระบบแอร์ในห้องโดยสารมีที่รั่วอยู่ เมื่อดมเข้าไปมากๆ แล้วจะทำให้ง่วงเหมือนยาสลบคับ ถึงต้องให้เปิดกระจกให้อากาศถ่ายเทแทน พวกที่เปิดแอร์นอนในรถแล้ว ตายคารถก็เพราะดมเข้าไปเยอะ ในการผ่าตัดรักษานั้น ทางหมดเขาจะให้ยาสลบในจำที่น้อยที่สุด ยาสลบให้มากไปก็ทำให้ตายเหมือนกัน หลับไม่ตื่นอะคับ
สังเกตุรถยุโรปดูคับ แถวปุ่มควบคุมแอร์นั้นจะมีอยู่ปุ่มหนึ่ง ทำหน้าที่เปิดปิดให้อากาศภายนอกเข้ามาปะปนกับช่องแอร์ เป็นรูป วงกลม อะคับ โดยถ้ากดปิดไม่ให้อากาศเข้าแล้ว 10 นาที ปุ่มมีจะเปิดให้อากาศเข้ามาโดย auto (ใครเคยใช้รถ benz จะรู้คับต้องกดให้มันปิดเรื่อยๆ เพราะเหม็นกลิ่นควันท่อไอเสียที่มันเข้ามาในห้องโดยสาร) อันนี้ทางผู้ผลิตรถยนต์เข้าป้องกันคนขับหลับใน

R134a ใช้กับรถที่ผลิตหลังปี 1995 ,ตู้เย็นรุ่นใหม่ๆๆ สารตัวนี้ทำให้พื้นโลกร้อน ( แรกๆที่อเมริกา ผู้ผลิต R134a นี้ ได้มีข้อควรระวังในการใช้ บริเวณข้างกล่องใส่ถังน้ำยา เขียนตัวหนังสือเล็กๆ ระบุไว้ว่า ผู้ชายถ้าสูดดมสารนี้เป็นจำนวนมาก อาจมีสิทธิเป็นหมันได้

R22 ใช้กับแอร์บ้าน (ไม่สามารถใช้กับระบบแอร์รถได้ มันจะไปกัดกร่อนโอริง,สายยางท่อแอร์ทำให้รั่วได้ และแอร์เย็นไม่ดี) ,เครื่องอุตสหกรรมขนาดใหญ่

เวลาเพื่อนไปเติมน้ำยาแอร์นั้น ก็สังเกตุ สีของถังน้ำยาด้วยละกันว่า เป็นถังน้ำยาสีเดียวกับระบบของแอร์รถเราหรือเปล่านะคับ

ช่วง 10 ปีที่ผ่านมานี้ น้ำยาแอร์ที่เราใช้กันไม่ว่าจะเป็น แอร์บ้าน,แอร์รถนั้น จะนำเข้ามาหลากหลายประเทศ อเมริกา,ญี่ปุ่น,อังกฤษ,อินเดีย และอีกหลายๆประเทศ สังเกตุไหมครับว่า ช่วงหลัง 2-3 ปีนี้ บางทีไปเติมน้ำยาแอร์ร้านนี้แล้วเย็น เติมอีกร้านหนึ่งทำไมไม่ค่อยเย็น ทั้งที่ขั้นตอนในการเติมน้ำยานั้นเหมือนกันทุกอย่าง เนื่องจากว่า มีน้ำยาแอร์จากประเทศจีนนั้นเข้ามาขายปะปนอยู่ภายในประเทศ ซึ่งราคามันถูกกว่าของประเทศผู้ผลิตจริง

ถามว่าน้ำยาแอร์นั้นก็เหมือนกันนิ แล้วจากจีนไม่ดียังไง? ก็ขอตอบว่าดีครับ ดีที่สามารถเติมในระบบแอร์รถได้เหมือนกัน แต่คุณภาพนี้สิสำคัญ เนื่องจากกระบวกการผลิตน้ำยาแอร์นั้น มันมีหลายขั้นตอนของประเทศจีนนั้น ขั้นตอนการผลิตนั้นยังไม่ได้มาตาฐานพอ เพราะส่วนผสมของสารอื่นปะปนมา จึงทำให้ทำความเย็นได้ไม่ดีเท่าที่ควร

มีลูกค้าที่บริษัทฯ นำถังน้ำยาแอร์ R12 มาให้ผมใช้เครื่องเช็คดูว่าเป็น น้ำยาแอร์ R12 แท้หรือเปล่าซึ่งมีคนมาขายให้ที่ร้าน ราคาถูกกว่าท้องตลาดนิดหน่อย

(ผมใช้เครื่องตรวจน้ำยาแอร์ เพื่อแยกส่วนประกอบของน้ำยาตัวนั้นๆ ว่ามีอะไรปะปนมั่ง )ปรากฎว่ามี
R12 - 74%
R22 - 12%
R134 - 3%
Air - 9%
Hc - 2%
ก็ว่าทำไมมันน้ำยาแอร์ ของประเทศจีน มันถูกจังวะ
อย่างที่ผมบอกไว้ในกระทู้แรกๆ ไงครับว่า ถ้าจะเติมน้ำยาแอร์นั้น พยายามหาร้านที่ดูแล้ว น่าเชื่อถือได้ จะได้ไม่ต้องมาเสียตังค์เติมน้ำยาอยู่บ่อยๆ
ตอนนี้น้ำยาแอร์ R12 ที่ได้คุณภาพที่สุด และผลิตได้เป็นที่สุดท้ายของโลกนี้ คืออินเดียคับ ไม่เกิน 5 ปีก็ต้องเลิกผลิตแล้วครับ เพราะสาร CFC ทำลายชั้นบรรยากาศโลก ดูไม่ออกหลอกครับว่าร้านไหน,ถังน้ำยาถังไหนเป็นน้ำยาแอร์ของอินเดีย ช่างซ่อมแอร์เขาก็ไม่ทราบเช่นกัน คือ.....อันนี้แล้วแต่ดวงท่านแล้วอะคับ [/COLOR]


http://www.youtube.com/watch?v=RWFWpsBHCEo

รูปภาพที่เกี่ยวข้อง

ติชม


ต้องการให้คะแนนบทความนี้่ ?

สร้างโดย :


automechanic

สถานะ : ผู้ใช้ทั่วไป
เครื่องกล