บทที่ 4
มัลติมิเตอร์ (MULTIMETER)
แอมมิเตอร์ โวลท์มิเตอร์และโอห์มมิเตอร์ เป็นมิเตอร์ที่มีโครงสร้างมาจากมูฟเม้นท์มิเตอร์เหมือนกัน ส่วนแตกต่างกันของมิเตอร์เหล่านี้คือ วงจรเบื้องต้นที่ถูกนำมาต่อกับมูฟเม้นท์
มิเตอร์ดังนั้นถ้านำเอาวงจรเบื้องต้นของมิเตอร์เหล่านี้มารวมกัน แล้วเลือกใช้สวิทซ์เลือกย่านวัด (Selector Switch) ก็จะได้มิเตอร์แต่ละชนิดออกมา มิเตอร์ดังกล่าวนี้ถูกเรียกรวมว่ามัลติมิ
เตอร์ (Multi meter) หรือ VOM Meter (Volt – Ohm - Millimeter)
มัลติมิเตอร์ที่ผลิตขึ้นมาเพื่อใช้งานทั่วไปภายในสามารถทำเป็นมิเตอร์ได้ 4 ชนิด คือ DC Voltmeter (DCV), AC Voltmeter (ACV), DC Millimeter (DCmA) และ Ohmmeter
นอกจากนี้ยังสามารถนำไปวัดค่าปริมาณไฟฟ้าอื่น ๆ ได้อีก เช่น วัดความดังของสัญญาณเสียงเป็น เดซิเบล (Decibel ; dB) วัดการต่อของวงจรแสดงด้วยเสียง (Buzzer) วัดอัตราการ
ขยายของทรานซีสเอตร์ (hFE) วัดกระแสรั่วของทรานซีสเอตร์ (ICEO) มัลติมิเตอร์รุ่นปกติทั่วไปก็จะมีสเกลหลายสเกลตามงานที่ใช้ เช่น สเกลสำหรับวัดค่าความต้านทาน สเกลสำหรับ
อ่านค่าแรงดันไฟกระแสตรงและกระแสสลับสเกลสำหรับอ่านค่าอัตราการขยายของทรานซีสเตอร์ (hFE) สเกลสำหรับอ่านค่ากระแสรั่วของทรานซีสเตอร์ (ICEO) สเกลสำหรับอ่านค่า
เดซิเบลสเกล LI และ LV สำหรับอ่านค่ากระแสที่ผ่านจุดวัดในขณะที่ใช้ย่านวัดความต้านทานและ สำหรับอ่านค่าแรงดันตกคร่อมจุดวัดขณะใช้ย่านวัดความต้านทาน ส่วนค่าความไว
(Sensitivity) จะมีค่าความไว ประมาณ 20KW/VDC และประมาณ 9KW/VAC โดยทั่วไป
รูปแสดงมัลติมิเตอร์ Sanwa รุ่น YX – 361TR
จากรูปแสดงมัลติมิเตอร์
(1) = เข็มมิเตอร์
(2) = หน้าปัดแสดงสเกลต่างๆ
(3) = สกรูสำหรับปรับแต่งเข็มมิเตอร์ให้อยู่ตำแหน่ง 0 พอดีด้านซ้ายสุดของสเกล
(4) = แจ๊ค + (P) สำหรับต่อสายวัดสีแดง
(5) = แจ๊ค - (N) หรือคอมมอน (COM = common) สำหรับต่อสายวัดสีดำ
(6) = แจ๊คเอ้าต์พุต (OUTPUT) เป็นแจ๊คที่มีคาปาซิเตอร์ต่ออนุกรมกับแจ๊ค + ภายในมิเตอร์ สำหรับต่อสายวัดสีแดงแทนแจ๊ค + เมื่อวัดค่า AC โวลท์ในจุดวัด
ที่มีทั้ง ACV และ DCV
(7) = สวิทซ์เลือกย่านการวัดหรือเร้นจ์ (Rang selector switch)
(8) = ปุ่มปรับ 0W เพื่อปรับแต่งเข็มมิเตอร์อยู่ตำแหน่ง 0W พอดีก่อนที่จะวัดความต้านทาน
รูปแสดงสเกลต่างๆ บนมิเตอร์ Sanwa รุ่น YX-361TR
จากรูปแสดงสเกลต่างๆของมิเตอร์
(1) = สเกลโอห์มมิเตอร์สำหรับอ่านค่าความต้านทาน
(2) = สเกล DCV, A & AC สำหรับอ่านค่า DCV, DCA และ ACV ในย่าน AC 10V ขึ้นไป
(3) = สเกล + DCV (NULL) สำหรับอ่านค่า DCV (NULL)
(4) = สเกล ACV 2.5V สำหรับอ่านค่า ACV ที่ย่าน ACV 2.5V
(5) = สเกล hFE สำหรับอ่านค่าอัตราการขยายกระแสตรง หรือ hFE ของทรานซีสเตอร์
(6) = สเกล BATT (1.5V) สำหรับอ่านค่าผลการตรวจสอบเซลล์ไฟฟ้า 1.5V
(7) = สเกล LI (uA, mA) สำหรับอ่านค่าเมื่อใช้วัด ICEO ของทรานซีสเตอร์ และค่า LI (ค่ากระแสที่ผ่านจุดวัดขณะใช้ย่านวัดความต้านทาน)
(8) = สเกล LV (V) สำหรับอ่านค่าเมื่อใช้วัดค่า LV (ค่าแรงดันตกคร่อมจุดวัดขณะที่ใช้ย่านวัดความต้านทาน)
(9) = สเกล dB สำหรับอ่านค่าเมื่อใช้วัดค่าเดซิเบล (decibel = อัตราส่วนของระดับสัญญาณที่จุดหนึ่งอาจเป็นค่ากำลัง หรือแรงดัน หรือกระแสก็ได้
(10) = ไดโอดเปล่งแสงแสดงความต่อเนื่องหรือคอนตินิวตี้ (continuity)
(11) = เป็นแถบเงาสำหรับช่วยอ่านค่าให้เที่ยงตรง คืออ่านค่าเมื่อเข็มและเงาบนแถบตรงกันหรือซ้อนกันพอดี ซึ่งจะเป็นค่าที่ถูกต้องที่สุด
รูปแสดงวงจรภายในมิเตอร์ Sanwa รุ่น YX – 360 TR
รูปแสดงที่ตั้งอุปกรณ์ภายในมิเตอร์ Sanwa รุ่น YX – 360 TR
1. ความไวของมัลติมิเตอร์
ความไวของมัลติมิเตอร์ (Multi meter Sensitivity) คือตัวบ่งบอกถึงคุณภาพและประสิทธิภาพของมัลติมิเตอร์ในการนำไปใช้งานของโวลท์มิเตอร์ เมื่อทำการวัดค่า
แรงดันออกมามีความผิดพลาดไปจากค่าจริงมากน้อยเพียงใด
ความผิดพลาดที่เกิดขึ้นมาจากสาเหตุที่ขณะนำมัลติมิเตอร์ตั้งย่านวัดแรงดันไปวัดคร่อมขนานกับวงจรหรืออุปกรณ์ที่วัดเกิดผลความต้านทานรวมที่จุดวัดมีการเปลี่ยน
แปลงผลของค่าความต้านทานที่เปลี่ยนนี้คือสาเหตุของความผิดพลาด ถ้าวงจรที่วัดมีความต้านทานสูงส่วนมัลติมิเตอร์ตั้งย่านวัดแรงดันมีความต้านทานต่ำ ก็จะทำให้เกิดความผิด
พลาดมาก และถ้าวงจรที่วัดมีความต้านทานต่ำส่วนมัลติมิเตอร์ตั้งย่านวัดแรงดันมีความต้านทานสูง ก็จะทำให้เกิดความผิดพลาดน้อย มัลติมิเตอร์ที่ดี ต้องมีความไวสูงๆ ความไวสูง
หมายถึงค่าความต้านทานภายในมัลติมิเตอร์สูง
การหาค่าความไวของมัลติมิเตอร์ทั้งเครื่อง หาได้ 2 วิธีคือ
1.1 หาจากความต้านทานรวมทั้งหมดของโวลท์มิเตอร์ในมัลติมิเตอร์ หารด้วยแรงดันสูงสุดของโวลท์มิเตอร์ในมัลติมิเตอร์ตัวนั้น เขียนเป็นสมการคือ
1.2 หาจากการใช้แรงดันเพียง 1 V หรือ 0.45 V หารด้วยกระแสเต็มสเกล
หรือ
ความไวของมิเตอร์ดังกล่าวสามารถบอกให้ทราบถึงค่าอิมพีแดนซ์ทางอินพุต (Input Impedance) หรือค่าความต้านทานอินพุตของมิเตอร์ขณะตั้งย่านวัดแรงดันทั้ง
ไฟกระแสตรงและไฟกระแสสลับ
Zin = S. Vfs
ตัวอย่าง
จงคำนวณหาค่าความต้านทานอินพุต ย่านวัดแรงดันดังนี้ DCV 2.5V, DCV 50V, DCV 1,000V, ACV 10V, ACV 250V, ACV 1,000V ของมัลติมิเตอร์มีความไว
ของ DCV 20KW/V และ ACV 9KW/V
ย่าน DCV 2.5V
Zin = 20 KW/V x 2.5V
= 50 KW
ย่าน DCV 50V
Zin = 20KW/V x 50V
= 1,000 KW
= 1MW
ย่าน DCV 1,000V
Zin = 20KW/V x 1,000V
= 20,000KW
= 20MW
ย่าน ACV 10V
Zin = 9KW/V x 10V
= 90KW
ย่าน ACV 250V
Zin = 9KW/V x 250V
= 2,250KW
= 2.25MW
ย่าน ACV 1,000V
Zin = 9 KW/V x 1,000V
= 9,000KW
= 9MW
.................................................................................
จะเห็นว่ามัลติมิเตอร์ที่ตั้งย่านวัดแรงดันที่ย่านสูงก็จะมีค่าอินพุตอิมพีแดนซ์สูงด้วยและสาเหตุความผิดพลาดที่เกิดขึ้นมากหรือน้อย จึงขึ้นกับประสิทธิภาพของมัลติมิเตอร์
และการตั้งย่านวัดที่เหมาะสม ซึ่งถูกเรียกว่าผลการโหลด (Loading Effect)
2. การใช้งานของมัลติมิเตอร์
2.1 การใช้มัลติมิเตอร์วัดค่าความต้านทาน ย่านวัดค่าความต้านทานปัจจุบันส่วนมากจะมี 5 ย่านวัดคือ Rx1, Rx10, Rx100, Rx1K และ Rx10K ซึ่งถ้าตั้งย่าน
Rx10, Rx100, Rx1K และ Rx10K ตามลำดับ อักษร CON’Y ที่ย่าน Rx1 แสดงให้รู้ว่าที่ย่านนี้ใช้แสดงผลความต่อเนื่องหรือคอนตินิวตี้ (Continuity) ได้ด้วยซึ่งจะมี LED แสดงค่า
ด้วยเมื่อวัดความต้านทานต่ำกว่า 10W อาจจะนำมาใช้วัดตรวจสอบจุดต่อหรือสายว่าขาดหรือไม่ ค่า mA และ uA ที่กำกับอยู่ที่ย่านวัดต่างๆเป็นค่ากระแสสูงสุดเมื่อใช้สเกล LI ก็
สามารถอ่านค่ากระแสที่ไหลผ่านจุดวัดด้วย และเมื่อใช้สเกล LV ก็สามารถอ่านค่าแรงดันตกคร่อมที่จุดวัดด้วยค่าี่กำกับย่านวัด Rx1 และ Rx10 ยังใช้เมื่อวัดค่า IECO ของทรานซีส
เตอร์ อักษร hFE ที่ย่าน Rx10 ใช้วัดค่า hFE ของ ทรานซีสเตอร์
ก่อนการวัดจะต้องตั้งย่านวัดให้เหมาะสมกับค่าความต้านทานที่จะวัด โดยค่าที่ให้ความถูกต้อง (Accuracy) จะอยู่ที่ประมาณกลางๆสเกล ย่านที่ควรใช้เมื่อวัดความ
ต้านทานค่าต่างๆที่เหมาะสม ดังนี้
ย่านการวัด |
ค่าต่ำสุดและค่าสูงสุดที่ใช้วัดได้ |
ค่าที่ควรวัด |
R x 1
|
0W, 0.2W - 2KW
|
0W - 50W |
R x 10 |
2W - 20KW |
50W - 500W |
R x 100 |
20W - 200KW |
500W - 5KW |
R x 1K |
200W - 2MW |
5KW - 50KW |
R x 10K |
2KW - 20MW |
50KW - 20MW |
รูปแสดง ตารางแสดงการตั้งย่านวัดที่เหมาะสมกับค่าความต้านทานค่าต่างๆ
ถ้าเป็นจุดวัดที่ไม่ทราบว่ามีค่าความต้านทานประมาณเท่าใด ก็ให้ตั้งย่านวัดที่ Rx1 ก่อน ถ้าเข็มไม่ขึ้นหรือขึ้นน้อย จึงค่อยเปลี่ยนย่านให้สูงขึ้น
2.2 การใช้มัลติมิเตอร์วัดแรงดันสลับ หรือย่าน ACV ย่านวัดแรงดันไฟสลับส่วนมากจะมี 4 ย่านคือ AC 10V, AC 50V, AC 250V และ AC 1,000V และที่
AC 10V จะมีค่า 22 dB ใช้วัดค่าเดซิเบล ซึ่งจะอ่านได้จากสเกลระหว่าง -10 dB ถึง 22 dB ในกรณีที่จุดวัดไม่แน่ใจว่ามีแรงดัน DC อยู่ก็อาจเปลี่ยนสายวัดขั้ว + ไปที่แจ๊กเอ้าต์พุต
เพื่อกันไฟ DC ไม่ให้ผ่านเข้าไปในวงจรมิเตอร์ การอ่านค่า ถ้าใช้ย่าน AC 10V ค่าที่อ่านได้จากสเกลเป็นค่า dB ของจุดวัด ย่าน AC 50V ค่าที่อ่านได้จากเสกลให้บวกอีก 14 dB
ผลลัพธ์ที่ได้เป็นค่า dB ของจุดวัด ย่าน AC 250V ค่าที่อ่านได้จากเสกลให้บวกอีก 28 dB ผลลัพธ์ที่ได้เป็นค่า dB ของจุดวัด ย่าน AC 1000V ค่าที่อ่านได้จากเสกลให้บวกอีก
40 dB ผลลัพธ์ที่ได้เป็นค่า dB ของจุดวัด ย่านที่ควรใช้เมื่อวัดแรงดันไฟสลับ ค่าต่างๆที่เหมาะสม ดังนี้
ย่านวัด |
ค่าสูงสุดที่ใช้วัดได้ |
ค่าที่ควรใช้วัด |
AC 10V |
10V |
0V – 10V |
AC 50V |
50V |
10V – 50V |
AC 250V |
250V |
50V – 250V |
AC 1,000V |
1,000V |
250V – 1,000V |
ถ้าจุดที่วัดไม่ทราบค่าประมาณที่วัด ก็ให้ตั้งย่านวัดให้สูงสุดไว้ แล้วจึงค่อยเปลี่ยนย่านวัดลดลงมา
2.3 การใช้มัลติมิเตอร์วัดแรงดันตรง หรือย่าน DCV ย่านวัดแรงดันไฟตรงส่วนมากจะมี 7 ย่านวัดคือ DC 0.1V, DC 0.5V, DC 2.5V, DC 10V, DC 50V, DC 250V
และ DC 1,000V ที่อักษร PROBE ที่ย่านวัด 1,000V จะใช้เมื่อวัดแรงดันไฟสูง และต้องใช้สายวัดที่เป็นโพรบแทนสายวัดเดิม และที่ย่านวัด 0.1V จะอยู่ที่ตำแหน่งเดียวกับ
DC 50uA หมายถึงย่านนี้ใช้งานได้ 2 แบบคือ สามารถใช้วัดกระแสไฟตรงย่าน 50uA ได้ด้วย ย่านที่ควรใช้เมื่อวัดแรงดันไฟตรง ค่าต่างๆที่เหมาะสม ดังนี้
ย่านวัด |
ค่าสูงสุดที่ใช้วัดได้ |
ค่าที่ควรใช้วัด |
DC 0.1V |
0.1V |
0V – 0.1V |
DC 0.5V |
0.5V |
0.1V – 0.5V |
DC 2.5V |
2.5V |
0.5V – 2.5V |
DC 10V |
10V |
2.5V – 10V |
DC 50V |
50V |
10V – 50V |
DC 250V |
250V |
50V – 250V |
DC 1,000V |
1,000V |
250V – 1,000V |
ถ้าจุดที่วัดไม่ทราบค่าประมาณที่วัด ก็ให้ตั้งย่านวัดให้สูงสุดไว้ แล้วจึงค่อยเปลี่ยนย่านวัดลดลงมา
2.4 การใช้มัลติมิเตอร์วัดกระแสตรง หรือย่าน DCA ย่านวัดกระแสไฟตรงส่วนมากจะมี 4 ย่านคือ DC 50uA, DC 2.5mA, DC 25mA และ DC 0.25A หรือ
250mA ย่านที่ควรใช้เมื่อวัดกระไฟตรง ค่าต่างๆ ที่เหมาะสม ดังนี้
ย่านวัด |
ค่าสูงสุดที่ใช้วัดได้ |
ค่าที่ควรใช้วัด |
DC 50uA |
50uA |
0 – 50uA |
DC 2.5mA |
2.5mA |
50uA – 2.5mA |
DC 25mA |
25mA |
2.5mA – 25mA |
DC 0.25A |
250mA |
25mA – 250mA |
ถ้าจุดที่วัดไม่ทราบค่าประมาณที่วัด ก็ให้ตั้งย่านวัดให้สูงสุดไว้แล้วจึงค่อยเปลี่ยนย่านวัดลดลงมา
2.5 การใช้มัลติมิเตอร์วัดค่า ICEO ของทรานซีสเตอร์ ย่านวัดนี้ใช้ย่านวัดความต้านทานค่า ICEO ของทรานซีสเตอร์คือ ค่ากระแสรั่ว (leakage current) ระหว่าง
ขาคอลเล็กเตอร์กับขา อีมิตเตอร์ เมื่อวงจรเสเปิดหรือไม่มีกระแส ทรานซีสเตอร์ที่ดีจะมีค่า ICEO ต่ำ ถ้าค่า ICEO สูงแสดงว่าทรานซีสเตอร์ชำรุดในลักษณะช็อต / รั่วระหว่างขาขา
คอลเล็กเตอร์กับขาอีมิตเตอร์ในการวัดค่า ICEO ของทรานซีสเตอร์ขนาดเล็กหรือขนาดกลาง จะใช้ย่านวัด Rx10 และสำหรับทรานซีสเตอร์ขนาดใหญ่ (Power Transistor) จะใช้ย่าน
Rx1
2.6 การใช้มัลติมิเตอร์วัดค่า hFE ของทรานซีสเตอร์ ย่านวัดนี้จะใช้ย่านวัดความต้านทานโดยค่า hFE ของทรานซีสเตอร์คือ อัตราการขยายกระแสตรงของทราน
ซีสเตอร์หรือค่าอัตราส่วนของกระแสคอลเล็กเตอร์ต่อกระแสเบส ซึ่งจะใช้ย่าน Rx10 หรือย่าน hFE โดยจะมีสายวัดต่างหากแทนสายวัด + ซึ่งสายวัดนี้จะมีลักษณะส่วนปลายแบ่งเป็น
2 เส้น (ปากคีบดำ / แดง) เพื่อนำไปวัดที่ขาเบสกับขาคอลเล็กเตอร์ เมื่อเสียบสายนี้เข้าที่ขั้ว – (N) สำหรับวัดทรานซีสเตอร์ชนิด NPN และเมื่อเสียบสายนี้เข้าที่ขั้ว + (P) สำหรับวัด
ทรานซีสเตอร์ชนิด PNP
2.7 การใช้มัลติมิเตอร์วัดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ จะใช้ย่านวัดความต้านทานโดยใช้หลักการที่ย่านวัดนี้จ่ายกระแสออกมาผ่านอุปกรณ์ที่วัด เช่นใช้วัดไดโอด
ทรานซีสเตอร์ ขดลวด คาปาซิเตอร์ ไทรแอค เป็นต้น
รูปแสดงวงจรภายใน MULTIMETER Simpson 260
3. อาการเสียในบางอาการของมัลติมิเตอร์ที่ควรรู้
3.1 ถ้าวัดแล้วเข็มไม่ขึ้นทุกย่านวัด อาจเกิดจากฟิวส์ขาด หรือวัดขาดใน หรืออาจเสียที่ มูฟเม้นท์มิเตอร์
3.2 ถ้าใช้ย่านวัดความต้านทานย่าน Rx1 แล้วไม่สามารถปรับซีโร่โอห์มได้แสดงว่าแบตเตอรี่ชุด 3V เสื่อมหรือใกล้หมด
3.3 ถ้าใช้ย่านวัดความต้านทานย่าน Rx10K แล้วไม่สามารถปรับซีโร่โอห์มได้แสดงว่าแบตเตอรี่ชุด 9V เสื่อมหรือใกล้หมด
3.4 อาการเสียบางย่านวัดวัดได้ค่าคลาดเคลื่อน หรือบางย่านวัดเข็มไม่ขึ้นเลยแสดงว่าค่าความต้านทานในวงจรชำรุด มัลติมิเตอร์ที่มีอาการเสียลักษณะนี้เกิดจาก
การตั้งย่านวัดความต้านทานไปวัดจุดที่มีแรงดัน หรือตั้งย่านวัดกระแสตรงไปวัดวงจรแบบแรงดันคือวัดแบบขนานกับอุปกรณ์นั่นเอง
เมื่อจำเป็นต้องตรวจสอบวงจรภายในมัลติมิเตอร์ด้วยมิเตอร์อีกตัว จะต้องปลดสายที่ต่อเข้ากับขดลวดมูฟวิ่งหรือมูฟเม้นท์มิเตอร์ และถอดแบตเตอรี่ทั้ง 2 ชุดออกก่อน
การชำรุดในส่วนของมูฟเม้นท์มิเตอร์ มีลักษณะการเสียต่างๆดังนี้
ก) อาจทำให้เกิดอาการวัดแล้วเข็มไม่ขึ้นทุกย่านวัด
ข) เข็มมิเตอร์งอหรือหัก
ค) เข็มมิเตอร์ขึ้นแล้วค้างอยู่ในส่วนใดส่วนหนึ่งของหน้าปัด
ง) เข็มมิเตอร์ขณะเคลื่อนที่มีการสดุด ต้องเคาะมิเตอร์เข็มจึงจะเคลื่อนที่
จ) ขณะยังไม่ใช้งาน วางมิเตอร์ในแนวนอนและแนวตั้ง เข็มไม่อยู่ในระดับเดียวกัน
4. ข้อควรระวังในการใช้มัลติมิเตอร์
มัลติมิเตอร์เป็นมิเอตร์เป็นมิเอตร์ที่มีส่วนประกอบของอุปกรณ์หลายชนิด แต่ละชนิดมีขนาดเล็กและบอบบาง จึงมีข้อควรระวังในการนำไปใช้งานพอสรุปได้ดังนี้
4.1 ส่วนเคลื่อนไหวของมิเตอร์ (Moving coil) ซึ่งเป็นส่วนที่มีความบอบบางมากที่สุด อาจชำรุดเสียหายได้ง่ายหากได้รับกระแสมากเกินไป หรือหากได้รับความกระ
ทบกระเทือนแรงๆ จากการตกหล่น ตลอดจนการตั้งย่านวัดที่ผิด
4.2 ปรับสวิทซ์เลือกย่านวัดให้ถูกต้องกับค่าตัวแปรที่จะวัดเสมอ
4.3 การวัดปริมาณไฟฟ้าต่างๆ ที่ไม่ทราบค่า ครั้งแรกควรตั้งย่านวัดที่สูงสุดไว้ก่อน แล้วจึงค่อยๆลดย่านวัดลงมา และต้องต่อขั้ววัดให้ถูกต้อง
4.4 การตั้งย่านวัดความต้านทาน (W) หรือย่านวัดกระแส แล้วนำมาวัดแรงดันจะมีผลให้ตัวต้านทานในวงจรมัลติมิเตอร์เสียหาย เมื่อแรงดันที่วัดสูง 100V ขึ้นไป
4.5 ห้ามวัดหาค่าความต้านทานในวงจรที่มีกำลังไฟฟ้าจ่ายอยู่ เพราะจะทำให้ย่านวัดความต้านทานชำรุดได้
4.6 ขณะพักการใช้งานทุกครั้งควรปรับสวิทซ์เลือกย่านวัดปี่ย่าน 1,000VDC เสมอ เพราะเป็นย่านที่มีความต้านทานภายในสูงที่สุด หรือปรับไปที่ OFF ถ้ามี
4.7 เมื่อพักการใช้งานเป็นระยะเวลานาน ควรถอดแบตเตอรี่ทั้ง 2 ชุดภายในมิเตอร์ออก